บ้านโมดูลาร์ กับ บ้านน็อคดาวน์ แตกต่างกันอย่างไร
หลังจากที่คราวที่แล้ว เราได้พาทุกคนไปรู้จักเรื่องราวคร่าวๆ ของบ้านโมดูลาร์กันไปแล้ว ซึ่งอย่างที่เราบอกไปว่า ประวัติของโมดูลาร์ ของมันได้มีมาอย่างยาวนานกว่าหลายร้อยปี ไม่ใช่เรื่องราวที่ใหม่อะไรในแง่ของโลกการก่อสร้าง แต่ถ้ากลับมามองเฉพาะที่ประเทศไทยบ้านเรา ก็ต้องบอกว่าหลายคนยังไม่ค่อยรู้จักหรือคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ โดยถ้าเจาะลึกแยกย่อยไปถึงประเภทของบ้านสำเร็จรูปแล้ว คนส่วนใหญ่น่าจะไปนึกถึง บ้านน็อคดาวน์กันซะมากกว่า เพราะด้วยความคุ้นหูได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ
ในวันนี้เราจะพามาดูกันว่าระหว่างบ้านสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์ กับ น็อคดาวน์ แตกต่างกันอย่างไร
บ้านน็อคดาวน์
เริ่มจากบ้านน็อคดาวน์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันก่อน โดยบ้านระบบนี้ จะเป็นการเอาชิ้นส่วนหลาย ๆ ชิ้น ที่ทำการสร้างจากโรงงาน นำไปประกอบติดตั้งบริเวณพื้นที่ที่เตรียมไว้ ซึ่งโครงสร้างและส่วนประกอบอาคาร สามารถถอดออกและประกอบกลับเข้าด้วยกันใหม่ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วบ้านน็อคดาวน์ในปัจจุบัน นิยมใช้โครงสร้างจากเหล็กหรือไม้ ซึ่งในไทยเอง เราอาจจะชินตากับบ้านน็อคดาวน์ขนาดเล็ก แต่ว่าในต่างประเทศนั้น อาคารระบบนี้ มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่มาก ๆ อย่างเช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต แฟลตพักอาศัย รวมไปถึงพวกตู้คอนเทนเนอร์ด้วยเหมือนกัน
ความโดดเด่นของบ้านสำเร็จรูปแบบน็อคดาวน์ คือ จะใช้ต้นทุนต่ำกว่าบ้านสำเร็จรูปแบบอื่น ๆ เพราะจะทำการติดตั้งด้วยระบบขันน็อต (Bold & nut) ทำให้สะดวกง่ายทั้งการติดตั้งและรื้อถอน แต่ก็สามารถติดตั้งแบบถาวรได้ด้วยเช่นกัน โดยใช้วิธีการเชื่อม (Welding) ถือเป็นบ้านสำเร็จรูปราคาไม่แพงและใช้เวลาในการก่อสร้างน้อย
บ้านโมดูลาร์
สำหรับการก่อสร้างของบ้านสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์ จะอยู่ในหมวดย่อยของการก่อสร้างแบบ Prefab (ชื่อเต็มคือ Prefabricated architecture) ซึ่งเป็นการสร้างอาคารหรือส่วนประกอบอาคารสำเร็จมาแล้วจากสถานที่หนึ่ง ถูกขนส่งมาประกอบร่าง ณ อีกสถานที่หนึ่ง แต่อย่าเพิ่งงงกันเสียก่อน
จริง ๆ แล้ว Prefab Architecture แบ่งออกเป็นรูปแบบง่าย ๆ คือ
1) แบบตัดเป็นชิ้นส่วน (Components)
ตัวอย่างเช่น โครงหลังคาสถานี BTS, หลังคาที่จอดรถกลางแจ้งตามห้างใหญ่, อาคารโกดังเก็บของโครงเหล็ก แบบนี้ เรียกว่าเป็น Pre-cut steel frame หรือแม้กระทั่งบ้านไทยโบราณ โครงสร้างไม้เข้าลิ้นเข้าเดือย ก็อยู่ในประเภทนี้เช่นกัน
2) แบบแผ่น (Panelized)
ถ้าหากเป็นคอนกรีต เราจะเรียกว่า Precast concrete panel ตัวอย่างที่เห็นกันบ่อย ๆ คือ ผนังห้องคอนโดมิเนียม และบ้านจัดสรร (บางโครงการ) เราจึงไม่เคยเห็นช่างไปก่ออิฐฉาบปูนที่อาคารเหล่านั้นเลย เพราะผนัง Precast ถูกหล่อขึ้นรูปที่โรงงาน
3) แบบกล่อง (Modules / Modular)
โดยจะสร้างอาคารเสร็จจากโรงงานเป็นกล่องๆ มีพื้น ผนัง หลังคา ครบถ้วนหมด เดินท่อสายไฟ ท่อน้ำ งานระบบต่าง ๆ ไปเรียบร้อยตั้งแต่แรก จากนั้น ค่อยขนส่งไปเชื่อมต่อกันที่หน้างาน มีทั้งแบบ บ้านโมดูลาร์ที่ใช้โครงสร้างเหล็ก กรุด้วยวัสดุแผ่น เช่น Fiber cement board หรือ Sandwich panel และถ้ากล่องนั้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ก็ถือเป็นระบบโมดูลาร์เช่นกัน
สรุปกันอีกที Prefab Architecture นั้นมีทั้งแบบ ขนส่งมาเป็นชิ้น เป็นแผ่น และเป็นกล่อง
โดยจะเป็นขั้นตอนการสร้างชิ้นส่วนจากโรงงาน ผ่านการควบคุมการผลิตภายในโรงงานทั้งหมด ซึ่งวัสดุโครงสร้างหลัก ๆ จะเน้นพวกเหล็กเพื่อให้ได้ความคงทนในการอยู่อาศัย และง่ายต่อการดูแลรักษา
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกพื้นและผนังได้ว่าจะใช้เป็นแบบไหน ส่วนพวกชิ้นส่วนตกแต่งต่าง ๆ จะใช้วัสดุมาตรฐานเดียวกันจากงานก่อสร้างอาคารทั่วไป
โดยวิธีการก่อสร้างของ อิสรา ลิฟวิ่ง เป็นระบบโมดูลาร์ มาเป็นกล่อง (ข้อ 3) ที่ใช้โครงเหล็กกรุด้วยวัสดุแผ่นนั่นเอง
ส่วนข้อดีของบ้านสำเร็จรูประบบโมดูลาร์ของ Esara Living นั่นก็คือ โครงสร้างหลักของบ้านทำจากโครงเหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก. จึงมีความคงทน แข็งแรง สำหรับการอยู่อาศัยในระยะยาวได้แบบไม่ต้องกังวลอะไร นอกจากนี้ ก็คือเรื่องคุณภาพ ที่ต้องผ่านมาตรฐานการผลิตมาจากโรงงาน ทำให้เรามั่นใจได้ไปอีกระดับ
ขนาดของตัวบ้านโมดูลาร์ หากเป็นขนาดเล็กถึงกลาง จะสร้างครบเสร็จที่โรงงานแล้วยกไปติดตั้งได้เลย แต่ถ้าหลังใหญ่หน่อย ก็สามารถแยกเป็นหลาย ๆ Module ไปประกอบหน้างานได้
ฟังดูเหมือนจะมีมากหลายขั้นตอน แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีเรื่องที่ประหยัดได้หลายอย่างทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย และความสะอาดบริเวณพื้นที่หน้างาน แถมไม่ต้องกังวลเรื่องของมลภาวะต่างๆ ทั้งฝุ่นและเสียงรบกวนอีกด้วย
สุดท้ายนี้ ถ้าใครสนใจติดต่อจะสร้างบ้านสำเร็จรูประบบโมดูลาร์อยู่ ทาง Esara Living ก็มีแบบบ้านให้คุณได้เลือกและตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย
รวมไปถึงการบริการหลังการขายที่เราทำด้วยใจ ดูแลบ้านหลังสร้างเสร็จอีก 1 ปีเต็ม เป็น One stop service ครบจบในที่เดียวให้กับลูกค้าทุกคน
